นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 23 มิ.ย.65 ที่ระดับ 35.33 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.25-35.50 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ตลาดการเงินโดยรวมอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวและไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง โดยในฝั่งสหรัฐ ดัชนี S&P500 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.13% โดยตลาดหุ้นเผชิญความผันผวนโดยราคาหุ้นส่วนใหญ่ได้ปรับตัวขึ้น ก่อนที่จะย่อตัวลง หลังจากที่ประธานเฟดได้เน้นย้ำในการแถลงต่อสภาคองเกรสว่า เฟดมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ โดยเฟดเพิ่มจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งอัตราการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับ (Data Dependent)คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอติดตามการแถลงต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด (Powell’s Testimony) ในวันที่สอง ว่าจะมีการเปิดเผยมุมมองของประธานเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินเฟดเพิ่มเติมจากวันก่อนหน้าหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ จากนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของเฟด
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) จากประเทศหลักๆ เพื่อประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยในฝั่งสหรัฐ ตลาดประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐ อาจขยายตัวต่อเนื่องในอัตราที่ชะลอลงจากผลกระทบของปัญหาเงินเฟ้อสูงและนโยบายการเงินของเฟดที่เข้มงวดมากขึ้น สะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing PMI) เดือนมิถุนายน ที่อาจลดลงสู่ระดับ 56 จุด (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว) ส่วนภาคการบริการอาจขยายตัวดีขึ้นในช่วงไฮซีซั่นของการเดินทางท่องเที่ยว โดยดัชนี PMI ภาคการบริการ อาจเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 53.7 จุดคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาท มองว่า แม้เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา จากการอ่อนค่าต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ แต่มองว่าในระยะสั้นนี้ เงินบาทยังคงมีแนวโน้มผันผวนและมีโอกาสอ่อนค่าในช่วงระหว่างวันไปทดสอบโซนแนวต้านแถว 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ในระหว่างวันได้ไม่ยาก เนื่องจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนักอาจยังคงกดดันราคาสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังมีโอกาสเดินหน้าขายหุ้นไทยต่อได้บ้าง
อย่างไรก็ดี แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าของเงินบาทจากการขายหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติ อาจถูกชะลอไว้ได้บ้าง จากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่อาจทยอยเข้าซื้อบอนด์ไทย ตามจังหวะการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ทั่วโลกและมุมมองของผู้เล่นบางส่วนที่คาดว่าระดับบอนด์ยีลด์ไทย ณ ปัจจุบันได้สะท้อนภาพการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยไปมากแล้ว
นอกจากนี้ แรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าอาจมาจากธุรกรรมแลกซื้อเงินเยนญี่ปุ่น หลังจากที่เงินเยนญี่ปุ่นได้อ่อนค่าลงมาพอสมควร เมื่อเทียบกับเงินบาท โดยล่าสุด เงินเยนอ่อนค่ามาที่ระดับ 25.80 บาทต่อ 100 เยน อีกครั้ง ทั้งนี้ แรงหนุนฝั่งแข็งค่าก็อาจจะมาการโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำได้เช่นกัน หลังราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นแตะโซนแนวต้าน ทำให้เราคงมองว่า แนวต้านสำคัญของเงินบาทจะยังอยู่ในโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงนี้ได้
อนึ่ง ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง เราคงแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ ใช้ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน